แนะนำผลิตภัณฑ์ดีดี เพื่อสุขภาพที่ดี
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
"7 อุปนิสัยนิสัย ที่สุดยอดคนสำเร็จต้องทำหลังตื่นนอน"
"7 อุปนิสัยนิสัย ที่สุดยอดคนสำเร็จต้องทำหลังตื่นนอน"
1 ชั่วโมงหลังตื่นนอนเป็นช่วงเวลาพิเศษ
หรือเรียกว่า Golden hour
1 ชั่วโมงที่สำคัญนี้
"อย่ามอบให้ใคร มันต้องเป็นของคุณ"
คนสำเร็จใช้เวลาสำคัญ ทำสิ่งต่อไปนี้
7 สิ่งที่ต้องทำคือ
1.ดื่มน้ำทันที อย่างน้อย 2 แก้ว
อย่าลืมว่าร่างกายคุณ ขาดน้ำมาทั้งคืน
เหมือนไปเดินบนทะเลทรายมา 6-8 ชั่วโมง
ดื่มไปเลย 2 แก้วใหญ่ๆ
เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงสมอง ร่างกาย
และเพิ่มความสดชื่น
2.ยืดเส้น ยืดสาย
ออกกำลังกายเบาๆ หรืออย่างน้อยๆ
ให้ยืดเส้น ยืดสาย
นอกจากเป็นการกระตุ้นร่างกาย
ให้สดชื่นและเกิดการตื่นตัวแล้ว
ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
ซึ่งจะส่งผลต่อความคิดและจิตใจเราอีกด้วย
เพื่อเตรียมพร้อมรับสิ่งดีๆ ในวันนี้
3.ห้ามเชค line, facebook
เช้านี้เป็นของคุณ
คุณต้องfocus เรื่องของคุณ
อย่าให้สิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่
หรือสิ่งที่คนอื่นป้อนเข้ามา
มากวนใจ มากวนสมาธิ
รวมไปถึงการฟังข่าวลบๆ
ไม่ว่าจะทางทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์
4.ทำสมาธิ 5-10 นาที
การนั่งสมาธิช่วยได้มากในเรื่องลดความตึงเครียด
คลายความกังวล ทำให้สมองตื่นตัว
ทำให้การควบคุมอารมณ์เป็นไปได้ด้วยดี
ช่วยเพิ่มพลังทางความคิดและพัฒนาศักยภาพตนเองมากขึ้น
5.หายใจเข้าออกยาวๆ
การหายใจให้ถูกต้อง ให้เป็นไปตามอัตราส่วน 1:4:1
เช่น หายใจเข้า 4 วินาที แล้วกลั้นไว้ 16 วินาที
หายใจออก 4 วินาที อย่างน้อย 10 ครั้ง
ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอัตราส่วนนี้
แล้วคุณจะรู้สึกว่ามีสมาธิ สมองโล่ง ปลอดโปร่ง
เพราะออกซิเจนสามารถไปเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี
6.ขอบคุณสิ่งดีๆ
คนส่วนใหญ่มักมองแต่สิ่งที่ขาด
คนสำเร็จสำนึกขอบคุณสิ่งที่มี
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในทุกๆวัน
ด้วยการขอบคุณทุกๆอย่างในชีวิต
ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณครอบครัว
ขอบคุณบ้าน ขอบคุณเตียงนอน
ขอบคุณพี่น้อง ครูอาจารย์และผองเพื่อน
ขอบคุณร่างกาย แขนขา ขอบคุณ ขอบคุณ
สำคัญคือการขอบคุณสิ่งดีๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ผลการวิจัยพบว่า การฝึกขอบคุณคือการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างทางสมองแบบค่อยเป็นค่อยไป
ซึ่งนั่นจะส่งผลให้สมอง
และจิตของเรามีพลังเข้มแข็ง สร้างสรรค์และสงบ
7.ทบทวนเป้าหมาย
ความฝัน เป้าหมาย
เขียนมันลงไปในกระดาษในทุกๆวัน
ไม่ว่าจะเรื่องเงิน งาน สุขภาพ สังคม ครอบครัว
แล้วคุณจะพบสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
บางสิ่งมาง่ายๆ โดยไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ
"ถ้าความฝันคุณมีค่าพอ ให้เขียนมันลงไป"
หลายคนเริ่มบ่น ทำไมมันเยอะจัง
ตอนปฏิบัติจริงใช้เวลาเพียงไม่นาน
แต่ได้ผลลัพท์มหาศาล
ถ้าคุณทำตามทุกๆวัน จนกลายเป็นนิสัย
คุณได้ก้าวไปใกล้ความสำเร็จอีกขั้นแล้วครับ
ที่สำคัญอย่าอ่านเฉยๆ
มันจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลย
"ลงมือทำซะ"
"ความสำเร็จ เริ่มต้นจากตัวคุณเอง"
ขอบคุณ : บัณฑิต อึ้งรังษี Cr.พี่ล้ง
1 ชั่วโมงหลังตื่นนอนเป็นช่วงเวลาพิเศษ
หรือเรียกว่า Golden hour
1 ชั่วโมงที่สำคัญนี้
"อย่ามอบให้ใคร มันต้องเป็นของคุณ"
คนสำเร็จใช้เวลาสำคัญ ทำสิ่งต่อไปนี้
7 สิ่งที่ต้องทำคือ
1.ดื่มน้ำทันที อย่างน้อย 2 แก้ว
อย่าลืมว่าร่างกายคุณ ขาดน้ำมาทั้งคืน
เหมือนไปเดินบนทะเลทรายมา 6-8 ชั่วโมง
ดื่มไปเลย 2 แก้วใหญ่ๆ
เพื่อให้น้ำหล่อเลี้ยงสมอง ร่างกาย
และเพิ่มความสดชื่น
2.ยืดเส้น ยืดสาย
ออกกำลังกายเบาๆ หรืออย่างน้อยๆ
ให้ยืดเส้น ยืดสาย
นอกจากเป็นการกระตุ้นร่างกาย
ให้สดชื่นและเกิดการตื่นตัวแล้ว
ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
ซึ่งจะส่งผลต่อความคิดและจิตใจเราอีกด้วย
เพื่อเตรียมพร้อมรับสิ่งดีๆ ในวันนี้
3.ห้ามเชค line, facebook
เช้านี้เป็นของคุณ
คุณต้องfocus เรื่องของคุณ
อย่าให้สิ่งอื่นๆที่ไม่ใช่
หรือสิ่งที่คนอื่นป้อนเข้ามา
มากวนใจ มากวนสมาธิ
รวมไปถึงการฟังข่าวลบๆ
ไม่ว่าจะทางทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์
4.ทำสมาธิ 5-10 นาที
การนั่งสมาธิช่วยได้มากในเรื่องลดความตึงเครียด
คลายความกังวล ทำให้สมองตื่นตัว
ทำให้การควบคุมอารมณ์เป็นไปได้ด้วยดี
ช่วยเพิ่มพลังทางความคิดและพัฒนาศักยภาพตนเองมากขึ้น
5.หายใจเข้าออกยาวๆ
การหายใจให้ถูกต้อง ให้เป็นไปตามอัตราส่วน 1:4:1
เช่น หายใจเข้า 4 วินาที แล้วกลั้นไว้ 16 วินาที
หายใจออก 4 วินาที อย่างน้อย 10 ครั้ง
ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามอัตราส่วนนี้
แล้วคุณจะรู้สึกว่ามีสมาธิ สมองโล่ง ปลอดโปร่ง
เพราะออกซิเจนสามารถไปเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี
6.ขอบคุณสิ่งดีๆ
คนส่วนใหญ่มักมองแต่สิ่งที่ขาด
คนสำเร็จสำนึกขอบคุณสิ่งที่มี
เริ่มต้นเช้าวันใหม่ในทุกๆวัน
ด้วยการขอบคุณทุกๆอย่างในชีวิต
ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ขอบคุณครอบครัว
ขอบคุณบ้าน ขอบคุณเตียงนอน
ขอบคุณพี่น้อง ครูอาจารย์และผองเพื่อน
ขอบคุณร่างกาย แขนขา ขอบคุณ ขอบคุณ
สำคัญคือการขอบคุณสิ่งดีๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ผลการวิจัยพบว่า การฝึกขอบคุณคือการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างทางสมองแบบค่อยเป็นค่อยไป
ซึ่งนั่นจะส่งผลให้สมอง
และจิตของเรามีพลังเข้มแข็ง สร้างสรรค์และสงบ
7.ทบทวนเป้าหมาย
ความฝัน เป้าหมาย
เขียนมันลงไปในกระดาษในทุกๆวัน
ไม่ว่าจะเรื่องเงิน งาน สุขภาพ สังคม ครอบครัว
แล้วคุณจะพบสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น
บางสิ่งมาง่ายๆ โดยไม่ต้องออกแรงด้วยซ้ำ
"ถ้าความฝันคุณมีค่าพอ ให้เขียนมันลงไป"
หลายคนเริ่มบ่น ทำไมมันเยอะจัง
ตอนปฏิบัติจริงใช้เวลาเพียงไม่นาน
แต่ได้ผลลัพท์มหาศาล
ถ้าคุณทำตามทุกๆวัน จนกลายเป็นนิสัย
คุณได้ก้าวไปใกล้ความสำเร็จอีกขั้นแล้วครับ
ที่สำคัญอย่าอ่านเฉยๆ
มันจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ เลย
"ลงมือทำซะ"
"ความสำเร็จ เริ่มต้นจากตัวคุณเอง"
ขอบคุณ : บัณฑิต อึ้งรังษี Cr.พี่ล้ง
สรุปเนื้อหา พ่อรวย สอนลูก Rich Dad Poor Dad
สรุปเนื้อหา พ่อรวย สอนลูก “ Rich Dad Poor Dad “ by โรเบิร์ต คิโยซากิ - Robert T. Kiyosaki
ผู้เขียนมีเพื่อนที่สนิทมากตั้งแต่เด็กๆ ชื่อ ไมค์ และพ่อของไมค์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในกิจการหลายๆ อย่าง จนมีอาณาจักรที่ใหญ่โต ในหนังสือผู้เขียนเรียกว่า Rich Dad
ตอนที่หนึ่ง พ่อรวย – พ่อจน
พ่อทั้งสองของผู้เขียนต่างก็เป็นคนดี มีผู้เคารพนับถือมาก แต่มีคำสอนเรื่องการดำรงชีวิตที่แตกต่างกันสุดขั้ว ผู้เขียนได้รับฟังคำสอนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ด้านตั้งแต่อายุ 9 ขวบ ทำให้ผู้เขียนต้องรู้จักวิเคราะห์พิจารณาในคำสอนตั้งแต่เด็ก
| พ่อจน | พ่อรวย |
| ความรักเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย | การขาดเงิน เป็นบ่อเกิดแห่งความชั่วร้าย |
| คนรวยควรเสียภาษีมากๆ เพื่อช่วยคนจน | ภาษีทำโทษคนขยัน ให้รางวัลคนขี้เกียจ |
| เรียนมากๆ จะได้ทำงานกับบริษัทที่มั่นคง | เรียนมากๆ จะได้ซื้อบริษัทที่มั่นคง |
| พ่อไม่รวย เพราะพ่อมีลูก | พ่อต้องรวย เพราะพ่อมีลูก |
| ห้ามพูดเรื่องเงินตอนทานข้าว | ชอบคุยเรื่องเงินตอนทานข้าว |
| เรื่องเงินทองต้องปลอดภัยไว้ก่อน | ต้องรู้จักวิธีจัดการกับความเสี่ยง |
| บ้าน เป็นการลงทุนและทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุด | บ้าน เป็นหนี้สินที่ใหญ่ที่สุดและไม่ใช่การลงทุน |
| ชำระหนี้เป็นอันดับแรก | ชำระหนี้เป็นอันดับสุดท้าย |
| ประหยัดทุกบาททุกสตางค์เพื่อสะสมเงิน | ใช้ทุกบาททุกสตางค์เพื่อการลงทุน |
| สอนวิธีเขียนประวัติส่วนตัวอย่างไร จึงจะได้งานทำ | สอนวิธีเขียนแผนธุรกิจอย่างไร จึงจะสร้างงาน |
| ชาตินี้ ไม่มีวันรวยแน่ | คนรวย เขาไม่ทำกันอย่างนั้นหรอก |
| เงิน ไม่ใช่สิ่งสำคัญ | เงิน คืออำนาจ |
| เรียน เพื่อทำงานให้ได้เงินเดือนสูงๆ | เรียน เพื่อรู้วิธีใช้เงินทำงานให้เรา |
| พ่อ ไม่ทำงานเพื่อเงิน | เงิน ทำงานให้พ่อ |
ตอนที่สอง บทเรียนที่ 1 : คนรวยไม่ทำงานเพื่อเงิน
ผู้เขียนได้รู้จักกับพ่อของไมค์ และขอร้องให้สอนวิธีหาเงิน
“ ถ้าเธออยากทำงานเพื่อเงิน เธอไปเรียนเอาที่โรงเรียน แต่ถ้าอยากเรียนวิธีใช้เงินทำงานให้เรา ฉันจะสอน “
“ การเรียนรู้วิธีใช้เงินทำงาน เป็นวิชาที่ต้องเรียนกันชั่วชีวิต “
“ การขาดเงินนั้น แย่พอๆ กับการผูกติดกับเงินนั่นแหละ “
“ อย่าให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดการกระทำ รับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้ แต่ต้องใช้สมองกำหนดการกระทำ “
ตัวอย่างการพูดจากอารมณ์
“ ต้องหางานทำให้ได้ ”
“ ฉันจะสอนให้เธอเป็นนาย ไม่ใช่เป็นทาสของเงิน ”
“ ที่สุดแล้วเราทุกคนเป็นลูกจ้าง แต่ในระดับที่แตกต่างกัน “
“ ฉันอยากให้เธอหลีกเลี่ยงกับดัก ซึ่งถูกสร้างขึ้นด้วยความกลัวและความโลภ “
“ ถ้าเราควบคุมความต้องการได้ เราจะมีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น “
“ หลายคนตั้งตารอวันเงินเดือนออก รอวันเงินเดือนขึ้น เพราะความกลัวและความต้องการ “
“ เราควรมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง ความฝันและความสุข ไม่ใช่นอนก่ายหน้าผากกังวลว่าจะมีเงินให้ใช้ครบเดือนหรือไม่ “
“ ความเขลาไม่ใส่ใจเรื่องเงิน ทำให้เกิดความกลัวและความโลภ “
“ จำไว้ว่าการได้งานทำ คือการแก้ปัญหาระยะสั้น ทุกคนคิดแค่วันเงินเดือนออก ปล่อยให้เงินมีอำนาจเหนือชีวิตพวกเขาจึงมีลักษณะคล้ายกันคือตื่นแต่เช้าไปทำ งาน ไม่เคยหยุดคิดเลยว่า ‘มีวิธีอื่นที่ดีกว่ามั้ย’ “
ความคิดที่มาจากอารมณ์ที่ได้ยินบ่อยๆ
“ ทุกคนต้องทำงาน “
“ คนรวยขี้โกง “
“ ผมควรจะได้ขึ้นเงินเดือนมิฉะนั้นจะลาออก “
“ ฉันชอบงานนี้เพราะมั่นคง “
ความคิดที่ใช้สมอง
“ ฉันมองข้ามอะไรไปหรือเปล่า “
ตอนที่สาม บทเรียนที่สอง: ทำไมต้องรู้เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
“ การมีเงินมากๆ นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรู้จักวิธีรักษาเงินให้อยู่กับเราตลอดไป “
“ พ่อจนจะเน้นให้อ่านมากๆ พ่อรวยจะบอกให้เรียนเรื่องเงิน “
กฏข้อที่-1 ต้องรู้ว่าอะไรคือทรัพย์สิน อะไรคือหนี้สิน
“ คนรวยเพิ่มทรัพย์สิน คนชั้นกลางเพิ่มหนี้สินโดยเข้าใจว่าเป็นทรัพย์สิน “
“ ถ้าอยากรวย ต้องอ่านให้เข้าใจตัวเลขและคำอธิบายเบื้องหลังนั้น “
“ ทรัพย์สินคือเงินใส่กระเป๋า หนี้สินคือเงินออกจากกระเป๋า “
รูปที่-3 การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนจน
| รายได้ | เงินเดือน |
| รายจ่าย | ภาษี , อาหาร , ค่าเช่า , เสื้อผ้า , สันทนาการ , เดินทาง |
| ทรัพย์สิน | หนี้สิน |
รูปที่-4 การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนชั้นกลาง
|
| รายได้ | เงินเดือน |
| รายจ่าย | ภาษี , อาหาร , ค่าเช่า , เสื้อผ้า , สันทนาการ , เดินทาง |
| ทรัพย์สิน | หนี้สิน |
| เงินกู้บ้าน , สินเชื่อผู้บริโภค , บัตรเครดิต |
รูปที่-6 การหมุนเวียนของกระแสเงินสดของคนรวย
| รายได้ | เงินปันผล , ดอกเบี้ย , ค่าเช่า , ค่าลิขสิทธิ์ |
| รายจ่าย | |
| ทรัพย์สิน | หนี้สิน |
| หุ้น , พันธบัตร , ตั๋วสัญญาใช้เงิน , อสังหาริมทรัพย์ , ทรัพ์สินทางปัญญา |
=== พ่อของไมค์ไม่ใช่นักวิชาการ แต่ความรู้เรื่องการเงินทำให้เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ===
=== โรงเรียนมีไว้ผลิตลูกจ้างที่ดี ไม่ได้มีไว้ผลิตนายจ้าง ===
=== พ่อจนมองว่าบ้านเป็นทรัพย์สิน พ่อรวยมองว่าบ้านเป็นหนี้สิน ===
=== เครื่องวัดฐานะทางการเงินคือ ถ้าเราหยุดทำงานวันนี้ เราจะมีเงินประทังชีวิตต่อไปอีกนานเท่าใด ===
=== เป้าหมายชีวิตของผมคือ การมีอิสระจากภาระทางการเงินทั้งปวง ===
=== สมมติว่าผมมีทรัพย์สินที่ทำเงินได้เดือนละ 2000 เหรียญ และมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 2000 เหรียญ ผมสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเงินเดือนถึง 30 วัน ===
=== ขั้นต่อไปคือ การนำรายได้จากทรัพย์สินกลับไปลงทุนในช่องหนี้สิน เพื่อขยายขนาดช่องทรัพย์สินให้โตขึ้น ===
ตอนที่สี่ บทเรียนที่-3: เพิ่มทรัพย์สิน – ทำธุรกิจของตนเอง
=== อุปสรรค์ทางการเงินส่วนหนึ่ง มาจากการที่เรายอมทำงานเพื่อคนอื่นตลอดชีวิต ===
=== ถ้าไม่เอารายได้มาซื้อทรัพย์สิน คุณก็จะยังคงไม่มีความมั่นคงทางการเงินอยู่ต่อไป ===
=== รากฐานของคนชั้นกลางคือไม่กล้าเสี่ยง ทำให้ยึดติดอยู่กับเงินเดือนและงานที่ทำอย่างเหนียวแน่น เพราะที่นั่นเขารู้สึกว่า ‘ปลอดภัย’ ===
=== หลายคนไม่เคยคิดถึงข้อแตกต่างระหว่าง ‘อาชีพ’ & ‘ธุรกิจ’ ===
=== คำถาม ‘คุณทำธุรกิจอะไร’ ‘คุณทำอาชีพอะไร’ ===
=== ผมแนะนำให้คุณทำงานประจำไป แล้วค่อยๆ สร้างธุรกิจด้วยการลงทุนในทรัพย์สินที่สร้างรายได้ ทุกบาททุกสตางค์ที่ใส่ลงในช่องทรัพย์สินจงอย่าให้ไหลออกมา ให้เงินนั้นทำงานให้คุณ ===
=== จงมุ่งมั่นทำงานประจำให้เต็มที่ พร้อมๆ กับสร้างช่องทรัพย์สินของคุณให้ใหญ่โตขึ้น ===
=== คนรวยซื้อความสบายทีหลัง แต่คนชั้นกลางมักซื้อความสบายก่อน ===
=== คนรวยจะสร้างช่องทรัพย์สินให้ใหญ่โตพอที่จะสร้างรายได้กลับคืนมา แล้วจึงนำรายได้นั้นไปซื้อความสะดวกสบายอีกที ===
ตอนที่ห้า บทเรียนที่-4: ภาษี & ประโยชน์ของนิติบุคคล
=== บริษัทเสียภาษีในอัตราที่ต่ำกว่าบุคคลธรรมดา แล้วรายจ่ายบางอย่างได้รับการยกเว้นภาษีด้วย ===
ทุกครั้งที่ผมจัดสัมมนาเพื่อถ่ายทอดความรู้ จะกล่าวถึงหลักสำคัญของไหวพริบทางการเงิน 4 อย่าง ดังนี้
1. ความรู้ทางบัญชี - อ่านงบการเงินให้เป็น
2. ความรู้เกี่ยวกับการลงทุน - ศิลปะของการใช้เงินทำงาน
3. ความเข้าใจตลาด - อุปสงค์และอุปทานในตลาด
4. ความรู้เรื่องกฎหมาย
=== คนรวยที่มีบริษัท มักทำดังนี้ 1) รายได้ à 2) รายจ่าย à 3) เสียภาษี ===
=== ส่วนลูกจ้างของบริษัท มักทำดังนี้ 1) รายได้ à 2) เสียภาษี à 3) รายจ่าย ===
ตอนที่หก บทเรียนที่-5: วิธีทำเงินของคนรวย
=== ในชีวิตจริง คนกล้ามักจะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่มีแต่ความฉลาด ===
=== ถ้าจะเก่งเรื่องเงิน คุณต้องมีทั้งความรู้และความกล้า ===
=== ถ้าคุณมีความรูเรื่องเงิน คุณก็มีโอกาสจะเจริญก้าวหน้าไปอีกไกล แต่ถ้าคุณไม่รู้ โลกนี้จะเป็นโลกที่น่ากลัวสำหรับคุณ ===
=== เมื่อ 300 ปีก่อน เจ้าของที่ดินคือเจ้าของขุมทรัพย์ ต่อมาเปลี่ยนเป็นเจ้าของโรงงานและการผลิต ในปัจจุบันเป็นยุคของการสื่อสารข้อมูลไร้พรมแดน ใครมึขอมูลมากที่สุดและทันสมัยที่สุดคือเจ้าของขุมทรัพย์ ===
=== เงินเล็กน้อย ย่อมกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ ถ้าคุณมีไหวพริบทางการเงิน ===
ไหวพริบทางการเงิน ประกอบด้วยทักษะ 4.ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
1] ความเข้าใจ & ความสามารถในการอ่านตัวเลข
2] กลยุทธ์ในการลงทุน - ศิลปะในการใช้เงินทำงาน
3] การตลาด - อุปสงค์ & อุปทาน
4] กฎหมาย & กฎเกณฑ์ - ความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎระเบียบทางบัญชี
=== มีนักลงทุนอยู่ 2 ประเภท พวกแรกชอบลงทุนแบบตรงไปตรงมา อีกพวกชอบพลิกแพลงสร้างสรรค์ ===
กว่าจะเป็นนักลงทุนประเภทชอบสร้างสรรค์ได้ จะต้องหมั่นฝึกฝนนานวันด้วยทักษะต่างๆ ดังนี้
1> ทำอย่างไร จึงจะมองเห็นในสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น
2> ทำอย่างไร จึงจะได้เงินมาทำทุนโดยไม่ต้องกู้ธนาคาร
3> ทำอย่างไร จึงจะได้คนฉลาดมาเป็นลูกจ้าง
ตอนที่เจ็ด บทเรียนที่-6: ทำงานเพื่อเรียนรู้ - อย่าทำงานเพื่อเงิน
=== ผมอยากแนะนำให้คุณทำงานเพื่อประสบการณ์ & การเรียนรู้ที่คุณจะได้รับ มากกว่าเพื่อผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน และให้มองไปข้างหน้าว่าคุณยังขาดทักษะด้านใด แล้วเสาะแสวงหาเพิ่มเติม ===
=== สำหรับคนที่ลังเลใจว่าจะออกแรงแสวงหาทักษะใหม่ๆ ดีหรือไม่ ผมอยากให้คิดถึงเวลาที่คุณไปออกกำลังกาย ตอนที่ยากที่สุดคือการตัดสินใจว่า ‘จะไปดีหรือไม่’ ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้แล้ว ที่เหลือสบายมาก ระหว่างออกกำลังกายคุณจะรู้สึกมีความสุข มีความภูมิใจในตัวเอง และเมื่อออกกำลังกายเสร็จคุณจะรูสึกดีใจที่ได้ตัดสินใจถูกต้อง ===
ตอนที่แปด ฟันฝ่าอุปสรรค์
แม้ว่าจะมีความรู้และไหวพริบทางการเงิน แต่บางคนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถทำให้ช่องทรัพย์สินโตขึ้นเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้มากพอได้ สาเหตุส่วนใหญ่มาจาก
1) ความกลัว
2) ความคิดด้านลบ
3) ความขี้เกียจ
4) นิสัย
5) ความหยิ่งทะนงตน
สาเหตุข้อที่หนึ่ง: ต้องเอาชนะความกลัวว่าจะต้องเสียเงิน
=== ถ้ามีเงินน้อยแต่อยากรวย สิ่งที่คุณต้องทำคือ ‘โฟกัส’ ===
สาเหตุข้อที่สอง: ขจัดความคิดด้านลบ
=== ความกลัวโดยไม่มีเหตุผลทำให้เรากลายเป็นคนที่มองเห็นแต่ข้อเสีย ===
สาเหตุข้อที่สาม: ความขี้เกียจ
=== พ่อรวยสอนให้พูดว่า ‘ทำอย่างไรจึงจะซื้อได้’ ห้ามพูดว่า ‘ไม่มีปัญญาซื้อ’ ===
=== คำว่า ‘ไม่มีปัญญา’ จะก่อให้เกิดความรู้สึกเศร้าหมอง
คำว่า ‘ทำอย่างไร’ สร้างความกระตือรือร้น ความตื่นเต้น ต้องคิดเพื่อหาคำตอบ ===
=== หากปราศจากกิเลศ ขาดความต้องการที่จะสร้างชีวิตให้ดีขึ้น โลกจะพัฒนาได้อย่างไร ===
=== คราวนี้เมื่อใดที่คุณพบว่าตนเองกำลังหลีกเลี่ยงสิ่งที่ควรกระทำก็ให้ถามตัวเองว่า ‘แล้วเราจะได้อะไรจากการกระทำ
นี้บ้าง’ เติมความอยากลงไปสักนิด จะได้ขจัดเอาความขี้เกียจออกไปจากตัวคุณได้ ===
สาเหตุข้อที่สี่: อุปนิสัย
=== พ่อจน มักจ่ายเงินให้คนอื่นก่อน เหลือเท่าไรจึงให้ตัวเอง ===
=== พ่อรวยสอนว่า ควรจ่ายให้ตัวเองก่อน ทีนี้ก็จะมีความกดดันที่จะต้องหาเงินมาจ่ายภาษีและเจ้าหนี้ทั้งหลายให้ได้ ความกดดันนี้จะทำให้คุณคิดหาแหล่งรายได้เพิ่มขึ้น และทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เจ้าหนี้มาโวยวายใส่หน้าคุณได้ ===
=== ถ้าจ่ายให้ตัวเองหลังสุด ไม่มีความกดดันก็จริง แต่จะไม่มีอะไรเหลือเลย ===
สาเหตุข้อที่ห้า: ความหยิ่งทะนงตน
=== ความรู้ทำให้ได้เงิน ความไม่รู้ทำให้เสียเงิน ===
=== จงขวนขวายหาความรู้จากหนังสือ หรือจากผู้มีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆ ===
ตอนที่เก้า เริ่มต้นอย่างไรดี
บัญญัติ 10.ประการที่จะช่วยให้คุณมีพลัง
1] พลังใจ: เพื่อจะเอาชนะความจริงที่ขวางหน้า
=== หลายคนอยากรวย แต่เมื่อหันมามองความจริงเขากลับท้อแท้ และคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้ เป็นลูกจ้างขยันทำงานไปวันๆ ดูจะง่ายกว่าเยอะ ===
=== ถ้าพลังความอยากของคุณยังไม่แรงกล้าพอ หนทางแห่งความเป็นจริงก็ยังอีกยาวไกล ===
=== ถ้าคุณขาดพลัง ขาดความมุ่งมั่น อะไรๆ ในชีวิตก็กลายเป็นเรื่องยากไปหมด ===
2] เสรีภาพในการเลือก
=== เมื่อมีเงินอยู่ในมือ คุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกอนาคตของคุณว่าจะเป็นคนรวย ชั้นกลาง หรือคนจน
นิสัยการใช้เงินสะท้อนให้เห็นตัวตนของเรา คนจนใช้เงินอย่างไม่ฉลาด ===
=== หลายครอบครัวสูญเสียทรัพย์สินเมื่อตกมาถึงรุ่นลูก เพราะไม่เคยสอนให้ลูกหลานรู้จักวิธีดูแลรักษา ===
=== คนจำนวนมากเลือกที่จะไม่รวย ส่วนใหญ่คิดว่ากว่าจะรวยเป็นเรื่องยุ่งยากเกินไปสำหรับเขา
มักชอบพูดว่า ‘ฉันไม่สนเรื่องเงินๆ ทองๆ หรอก’ ‘ไม่เห็นอยากรวยเลย’ ‘จะคิดให้ปวดหัวทำไม อายุยังน้อยแค่นี้’
‘ผมให้แฟนดูแลเรื่องเงิน ผมไม่ยุ่งหรอกครับ’ ===
=== คำพูดเหล่านั้นทำให้คุณสูญเสียประโยชน์ 2 อย่าง คือ เวลา & การเรียนรู้ ===
=== คุณมีสิทธิ์เลือกใช้เวลา ใช้เงิน และใช้สมองอย่างไรก็ได้ ===
=== ไม่มีเงิน ใช่ว่าคุณจะต้องหยุดการแสวงหาความรู้ ===
=== คนที่คิดว่าตนเองฉลาดแล้ว เก่งแล้ว มองอีกมุมหนึ่งคือคนที่ไม่กล้าเสี่ยง กลัวความผิดพลาด ===
=== คนฉลาดที่แท้จริง มักชอบฟังความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยใจที่เปิดกว้าง พร้อมที่จะนำความคิดจากหลายๆ ด้านมาวิเคราะห์ประกอบเป็นความคิดใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ ===
3] เลือกคบเพื่อนด้วยความระมัดระวัง
=== เพื่อนที่เป็นกลุ่มคนมีเงิน มักคุยแต่เรื่องเงินๆ ทองๆ เรื่องการลงทุน เรื่องเศรษฐกิจ ===
=== ในกรณีที่คุณเล่นหุ้น บางครั้งก็จะมีข้อมูลวงในจากการพูดคุยกับเพื่อนกลุ่มนี้ ===
=== ในธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จ หลักสำคัญที่ต้องจำไว้คือคุณต้องมีความมั่นใจในตนเองโดยไม่โอนอ่อนผ่อนตาม เสียงข้างมาก กว่าจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งคนอื่นก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปจนหมดแล้ว ===
4] สร้างสูตรและเรียนสูตรใหม่ๆ: ประโยชน์จากการเรีนยให้เร็วที่สุด
=== สูตรเดียวที่สอนเกี่ยวกับเรื่องเงินในโรงเรียน คือ ‘ทำงานเพื่อเงิน’ ===
=== ในสังคมปัจจุบัน ความได้เปรียบไม่ได้อยู่ที่คุณรู้อะไรแต่อยู่ที่คุณเรียนรู้สูตรใหม่ๆ ได้เร็วแค่ไหน ===
5] ชำระหนี้ให้ตัวเองเป็นอันดับแรก: ประโยชน์จากการควบคุมตัวเอง
=== ถ้าคุณไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ คุณไม่มีวันรวย ===
=== มี 3.ทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ที่เริ่มทำธุรกิจของตนเอง ดังนี้
1) การบริหารกระแสเงินสด 2) การบริหารบุคคลากร 3) การบริหารเวลา
=== นิสัยไม่ดีที่คนชั้นกลางชอบทำคือการแคะกระปุกแล้วเอาเงินออมมาชำระหนี้ ===
=== ถ้าอยากเป็นคนรวยต้องรู้ว่า เงินออมมีไว้เพื่อขยายช่องทรัพย์สิน ไม่ใช่มีไว้จ่ายหนี้ ===
6] เลี้ยงนายหน้าของคุณให้ดี: ประโยชน์จากคำแนะนำที่ดี
=== นายหน้าทำหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้คุณ คอยติดตามสถานการณ์เพื่อคุณจะได้มีเวลาไปตีกอล์ฟ ===
=== เชื่อหรือไม่ว่าคนจำนวนมากให้ทิปพนักงานเสริฟอาหารร้อยละ 15~20 ทั้งๆ ที่บริการไม่ได้ประทับใจนักหนา
แต่กลับลังเลที่จะจ่ายค่านายหน้าเพียงร้อยละ 3~7 ===
=== ทำไมเราทิปคนในช่องรายจ่าย มากกว่าคนในช่องทรัพย์สิน ===
7] จงเป็นผู้ให้: ประโยชน์จากการได้เปล่า
=== นักลงทุนที่ฉลาดควรมองหาอะไรที่มากกว่าผลตอบ แทนที่ได้จากการลงทุน นั่นคือทรัพย์สินที่ได้หลังจากได้เงินลงทุนครบถ้วนแล้ว นี่แหละคือไหวพริบทางการเงิน ===
8] ทรัพย์สินซื้อความฟุ่มเฟือย: ประโยชน์จากการ ‘โฟกัส’
=== เริ่มสอนลูกหลานและคนที่คุณรักเรื่องไหวพริบ ทางการเงินเสียแต่เนิ่นๆ ถ้าขาดไหวพริบทางการเงิน เงินจะฉลาดกว่าคุณ เพราะคุณอาจต้องทำงานเพื่อเงินไปตลอดชีวิต ===
9] ความจำเป็นต้องมีพระเอกในดวงใจ: ประโยชน์ของจินตนาการ
=== วิธีนี้ทำให้ผมมีพลังพิเศษ เหมือนแรงดลใจที่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีอะไรยากเกินไปสำหรับเราคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ ===
10] สอนผู้อื่นแล้วคุณจะได้รับตอบแทน: อานิสงส์แห่งการให้
=== ผมต้องการมีเครือข่าย ผมแนะนำให้คนโน้นรู้จักกับคนนี้ ในทีสุดผมก็มีเครือข่ายกับคนจำนวนมาก ===
=== ไม่ว่าจะเป็นเงิน ลูกค้า ความรัก ความสุข ธุรกิจ คุณต้องเริ่มต้นด้วยการให้ ถ้าไม่มีใครยิ้มให้ผม ผมก็จะยิ้มให้เขาก่อน ===
ตอนที่สิบ ข้อควรทำ
บางคนคิดแต่ไม่ทำ บางคนชอบทำโดยไม่คิด คุณควรจะอยู่ตรงกลาง
1) หยุดทุกอย่างแล้วพิจารณาว่าอะไรทำไปแล้วได้ผล อะไรทำไปแล้วไม่ได้ผล
2) มองหาความคิดใหม่ๆ
3) หาคนที่มีประสบการณ์ หรือที่เคยลงทุนแบบที่คุณสนใจ
4) สมัครเข้าสัมมนา อบรม หรือเรียนพิเศษ
5) เสนอราคา เพิ่มทางถอยไว้ด้วย ‘ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหุ้นส่วน’
6) เดิน วิ่งออกกำลัง หรือขับรถยนตร์ ผ่านบางพื้นที่สักเดือนละครั้ง เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
7) เรียนรู้เรื่องการเล่นหุ้น
8) ทำไมผู้บริโภคจึงไม่รวย
9) หาให้ถูกที่
10) ผมมองหาคนต้องการซื้อก่อน แล้วจึงมองหาคนต้องการขาย
11) เรียนรู้จากประวัติศาสตร์
12) ลงมือทำได้แล้ว
วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558
30 บทเรียนแห่งความมั่งคั่ง จากหนังสือ "ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน" โดย T.Harv Eker
30 บทเรียนแห่งความมั่งคั่ง
จากหนังสือ "ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน" โดย T.Harv Eker
จากหนังสือ "ถอดรหัสลับสมองเงินล้าน" โดย T.Harv Eker
1. ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม คุณก็ต้องเต็มใจที่จะปล่อยวางวิธีคิดและการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แล้วนำวิธีคิดแบบใหม่เข้ามาสู่ชีวิต แล้วคุณจะประจักษ์ถึงผลที่ตามมาในที่สุด
2. โลกภายนอกของคุณเป็นเพียงเสียงสะท้อนของโลกภายในเท่านั้น ถ้าสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นนอกตัวคุณไม่ได้เป็นได้ด้วยดี นั่นเป็นเพราะสิ่งต่างๆภายในตัวคุณก็ไม่ได้เป็นไปด้วยดีเช่นเดียวกัน
3. ความคิดนำไปสู่ความรู้สึก ความรู้สึกนำไปสู่การกระทำ การกระทำนำไปสู่ผลลัพธ์
4. เงินเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับทุกเรื่องที่ต้องใช้เงิน ในขณะเดียวกัน มันก็ไม่มีความสำคัญแม่แต่นิดเดียวสำหรับทุกเรื่องที่ไม่ต้องใช้เงิน
5. เมื่อคุณบ่น คุณกำลังกลายร่างเป็น “แม่เหล็กดึงดูดความเลวร้าย” ที่มีชีวิต!
6. จำไว้ว่าคุณเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตทางการเงินของตัวคุณเอง ว่าจะมั่งคั่ง ถังแตก หรือมีฐานะในระดับใดก็ตาม
7. เหตุผลอันดับแรกที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร
8. ถ้าคุณไม่มุ่งมั่นกับการสร้างฐานะอย่างเต็มตัวและสุดหัวใจ คุณก็จะไม่มีโอกาสร่ำรวย
9.การคิดเล็กและทำแต่เรื่องเล็กจะนำไปสู่การสิ้นเนื้อประดาตัวและความไม่พอใจในตนเอง ส่วนการคิดใหญ่และทำการใหญ่จะนำไปสู่การมีพร้อมทั้งเงินและความหมายในชีวิต คุณเลือกเอาได้ตามใจ!
10. ไม่มีทางที่โชค หรือสิ่งอื่นใดที่มีค่า จะมาถึงตัวคุณได้เลยถ้าคุณไม่ลงมือทำการใดๆ (เพื่อเตรียมตัวรับโชคหรือสิ่งนั้นๆ)
11. คนรวยให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ ส่วนคนจนให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาไม่ต้องการ
12. คนรวยมองเห็นโอกาส กระโจนใส่มัน และร่ำรวยยิ่งขึ้น แล้วคนจนล่ะ มัวทำอะไรอยู่? พวกเขาก็ยัง“เตรียมตัว”อยู่นะสิ!
13. คนรวยมักเป็นผู้นำ และผู้นำที่ยิ่งใหญ่ล้วนแต่เป็นนักโปรโมทที่ยอดเยี่ยม การเป็นผู้นำย่อมมีผู้ตามและผู้สนับสนุน นั่นหมายความว่าคุณต้องช่ำชองด้านการขาย การสร้างแรงบันดาลใจ และการจูงใจให้ผู้คนเชื่อในวิสัยทัศน์ของคุณ
14. ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งที่คุณมีสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้อย่างแท้จริง หน้าที่ของคุณก็คือการบอกให้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้รับรู้ และวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้คุณช่วยเหลือคนอื่นได้เท่านั้น แต่คุณยังจะร่ำรวยอีกด้วย!
15. เคล็ดลับสู่ความสำเร็จไม่ใช่การพยายามหลีกเลี่ยง ปัดหรือหันหลังให้กับปัญหา สิ่งที่คุณต้องทำคือ การพัฒนาตนเองให้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกๆปัญหา
16. ถ้าคุณบอกว่าคุณมีค่า คุณก็มีค่า ถ้าคุณบอกว่าคุณไร้ค่า คุณก็ไร้ค่า ไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะดำเนินชีวิตไปตามเรื่องราวที่คุณแต่งขึ้นเอง
17. คนจนแลกเวลากับเงิน กลยุทธ์นี้มีปัญหาเพราะเวลาของคุณมีอยู่อย่างจำกัด นั่นหมายความว่าคุณกำลังแหกกฎแห่งความมั่งคั่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งระบุว่า “อย่าให้มีเพดานจำกัดรายได้ของคุณ”
18. มาตรวัดความมั่งคั่งที่แท้จริง คือ "มูลค่าทรัพย์สิน" ไม่ใช่รายได้จากการทำงาน
19. ถ้าคุณไม่ควบคุมเงินของคุณ มันก็จะควบคุมคุณ การจะควบคุมเงินของคุณ คุณต้องรู้จักบริหารเงิน
20. อิสรภาพทางการเงิน คือ ความสามารถที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ต้องการโดยไม่ต้องทำงานหรือพึ่งพาคนอื่นในเรื่องเงิน
21. คุณจะมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อรายได้งอกเงย (รายได้จากทรัพย์สินหรือธุรกิจที่ทำงานแทนคุณและสร้างรายได้ด้วยตัวของมันเอง) ของคุณมีจำนวนมากกว่ารายจ่าย
22. คนจนทำงานหนักและใช้เงินทั้งหมดที่ทำมาหาได้ พวกเขาจึงต้องทำงานหนักตลอดไป ส่วนคนรวยทำงานหนัก สะสมเงิน และนำไปลงทุน พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องทำงานหนักอีก
23. ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ที่สุดของคนส่วนใหญ่ คือ การรอให้ความกลัวลดน้อยลงหรือจางหายไปก่อนจะเริ่มลงมือทำ(บางสิ่งบางอย่างไปสู่ความมั่งคั่ง) และคนเหล่านี้ก็มักลงเอยด้วยการนั่งรอตลอดไป
24. คนรวยและผู้ที่ประสบความสำเร็จก็มีความกลัว ความไม่แน่ใจ และความกังวลเช่นกัน เพียงแต่พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านั้นมาหยุดยั้งตนเอง
25. ความสุขไม่ได้มาจากการใช้ชีวิตอย่างสบายๆไปวัน พร้อมๆกับนึกสงสัยตลอดเวลาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตบ้าง แต่ความสุขเกิดจากการเติบโตตามอัตราการเติบโตที่ควรจะเป็นและการใช้ชีวิตด้วยศักยภาพสูงสุดของตัวเรา
26. การฝึกฝนและบริหารความคิดของคุณเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดที่คุณควรมีไว้ครองครอง เพื่อให้บรรลุความสุขและความสำเร็จ
27. น้อยคนนักจะรู้ว่าวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการสร้างและรักษาความมั่งคั่งเอาไว้ก็คือ การพัฒนาตัวคุณเอง เพื่อให้คุณเติบโตเป็นคนที่ “ประสบความสำเร็จ”
28. คนจนและชนชั้นกลางส่วนใหญ่เชื่อว่า “ถ้าฉันมีมากๆ ฉันก็จะสามารถทำในสิ่งที่ฉันต้องการและเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้” ส่วนคนรวยเข้าใจว่า “ถ้าฉันกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ ฉันจะสามารถทำในสิ่งที่ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อให้มีสิ่งที่ฉันต้องการ รวมไปถึงจำนวนเงินมากๆด้วย”
29. คนรวยคือผู้เชี่ยวชาญในงานที่ตัวเองทำ ชนชั้นกลางคือพวกที่ทำงานของตัวเองได้ดีในระดับปานกลาง และคนจนคือพวกที่ทำงานของตัวเองไม่ได้เรื่องเลย
30. การจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างถาวรนั้น มันต้องเกิดขึ้นในระดับที่ลึกซึ้ง....เครือข่ายในสมองคุณต้องถูกสร้างขึ้นใหม่ นั่นหมายความว่าคุณต้องนำมันไปปฏิบัติจริง อย่าเพียงแต่อ่าน อย่าเพียงแต่พูดถึงมัน...และอย่าเอาแต่คิด "จงลงมือทำจริงๆ"
วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558
"ผู้ชายสมัยนี้เค้าคิดอย่างไรกัน " เช้านี้ ! กับ ดร. รสา คำแบน 13/1/58
เช้านี้ ! กับ ดร. รสา คำแบน
13/1/58
"ผู้ชายสมัยนี้เค้าคิดอย่างไรกัน"
วันนี้ ดิฉัน มีบทสนทนา ระหว่าง ชายหนุ่มกับหญิงสาว ที่เค้ากำลังมองหาความรัก และการคาดหวังและเงื่อนไขของผู้หญิงที่ตั้งโจทย์ Y ! สำหรับผู้ชายในฝัน และ คำตอบ ของผู้ชายคนนี้ เค้า คิดอย่างไร ตอบอย่างไร เราจะใด้เห็นหลักการในการ วิเคราะห์ หาคู่ชีวิต ของทั้ง 2คนพร้อมๆกัน ค่ะ !
บางที อาจมี แง่คิด มุมมองดีๆ นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานของพวกเราบ้างก็ใด้!
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
ก่อนอื่นดิฉันขอสาบานว่าสิ่งที่ดิฉันพูดเป็นความจริงค่ะ
ดิฉันอายุ 25 ปีค่ะ ความสูง 170 ซม. น้ำหนัก 50 กิโล
ส่วนสัด 34-24-36 ผมยาว หน้าตาจัดว่าสวยมาก เซ็กซี่
มีรสนิยม
ดิฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายรายได้สัก
สองแสนบาทอัพต่อเดือนสักคน คุณอย่าเพิ่งมองฉันโลภนะคะ
รายได้ประมาณสองแสนเนี้ยแค่ชนชั้นระดับกลางๆ้ท่านั้น
หรือวงการการตลาดนักเศรฐศาสตร์ หรือ เจ้าของธุระกิจของตัวเอง หรือ คนทำงานตลาดหุ้น ก็ใด้
ฉันไม่ได้เรียกร้องมากไปใช่ไหมคะ !!
มีใครในพันทิพ ห้องนี้ นี้ที่รายได้เกินสองแสนบ้างคะ !
พวกคุณแต่งงานไปกันหมดหรือยัง กรุณาช่วยตอบดิฉันทีค่ะ!
คือดิฉันอยากแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพวกคุณ
พวกที่ดิฉันคบด้วยนี่มีแต่พวกธรรมดาๆรายได้อย่างมากไม่เกินสามหมื่นเอง
รายได้แค่นี้จะอุตริไปซื้อบ้านแถวสีลมเนี่ย
ยังได้แค่มองเลยใช่ไหมคะ
ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ
1. หลังจากคุณทำงานเสร็จหรือตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ ( ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)
2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ
3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ
4. คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ'
------------------------
หลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที ก็มีเมล จากชายหนุ่มคนนึงส่งมาถึงเจ้าหล่อนว่า :
ถึงคุณสุดสวยครับ...
หัวข้อกระทู้ของคุณน่าสนใจมากครับ และคงมีผู้หญิงหลายคนมีคำถามเดียวกันกับคุณ
ขออนุญาตตอบคำถามในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์ สินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ แบบผมนะคับ
รายได้ของผมจากการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุนมากว่า 10 ปี อยู่ที่ประมาณห้าแสนบาท ต่อเดือนขาดเหลือนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะผ่านเกณฑ์ของคุณ
ดังนั้นผมเชื่อว่าคำตอบของผม น่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่านนะครับ
จากมุมมองของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจ การที่แต่งงานโดยเลือกเฉพาะที่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด!
คำตอบนั้นง่ายมาก อธิบายตามตรง จากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพยายามจะเน้นจุดแข็งของสินค้าคือ 'ความสวย' เพื่อแลกกับ 'เงิน'
เมื่อคุณมีความสวย และผมมีเงิน แน่นอนว่ามัน Fair และน่าจะเป็นไปได้กับโอกาสทางธุรกิจที่คุณเสนอ
แต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสวยของคุณนั้นจืดจางลงทุกวัน ในขณะที่เงินของผมไม่ได้ไปไหน
ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หรือในอีกนัยยะหนึ่ง รายได้ของผมมีแต่จะเพิ่มทุกปีและเงินของผมก็สามารถนำไปให้ก่อให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ในขณะที่คุณไม่ได้สวยขึ้นเมื่อข้ามปี และมีแนวโน้มที่จะลดลงๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไปเช่นกัน
ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ คุณคือสินทรัพย์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้เสื่อมธรรมดานะ เสื่อมแบบอัตราก้าวหน้า
ดังนั้นถ้าความสวยคือสิ่งเดียวที่คุณมี ก็จงคิดต่อว่า 10 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร
นิยามที่เราใช้กันในหลักการทำงานในตลาดหลักทรัพย์ คือ ทุกๆ การ Trade มี Position การคบกับคุณก็ถือเป็น Position
แต่ถ้า Value ของมันลดลง เราจะขายมันทิ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะดันทุรังเก็บมันไว้
ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่คุณต้องการ อาจจะแทงใจดำถ้าผมต้องบอกคุณตรงๆอย่างจริงใจว่า ถ้า Value ของ Asset ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ขายทิ้ง เราจะ ใช้วิธีการ 'ให้เช่าซื้อ' แทน
แน่นอนว่าคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทต่อเดือนฉลาดพอ พวกเขาแค่คบคุณ แต่จะไม่แต่งงานกับคุณ
ดังนั้นจึงขอแนะนำคุณอย่างหวังดีว่าคุณควรที่จะหยุดที่จะหาวิธีที่จะได้แต่งงานกับคนรวย และคุณควรที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทแทนซะเอง
ซึ่งในทางเทคนิคแล้วน่าจะมีโอกาสมากกว่าการหาคนรวยแต่โง่คนนึง (รวยธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่พร้อมด้วย) หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยคุณได้บ้าง
อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจ option ในบริการ ! 'เช่าซื้อ' กรุณาติดต่อผม..... เพื่อทำ Bid offer ในโอกาสต่อไป
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
หลังจากนั้นบทสนทนาก็จบลงเพียงแค่นี้ !
ดร. รสา คำแบน
13/1/58
"ผู้ชายสมัยนี้เค้าคิดอย่างไรกัน"
วันนี้ ดิฉัน มีบทสนทนา ระหว่าง ชายหนุ่มกับหญิงสาว ที่เค้ากำลังมองหาความรัก และการคาดหวังและเงื่อนไขของผู้หญิงที่ตั้งโจทย์ Y ! สำหรับผู้ชายในฝัน และ คำตอบ ของผู้ชายคนนี้ เค้า คิดอย่างไร ตอบอย่างไร เราจะใด้เห็นหลักการในการ วิเคราะห์ หาคู่ชีวิต ของทั้ง 2คนพร้อมๆกัน ค่ะ !
บางที อาจมี แง่คิด มุมมองดีๆ นำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานของพวกเราบ้างก็ใด้!
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
ก่อนอื่นดิฉันขอสาบานว่าสิ่งที่ดิฉันพูดเป็นความจริงค่ะ
ดิฉันอายุ 25 ปีค่ะ ความสูง 170 ซม. น้ำหนัก 50 กิโล
ส่วนสัด 34-24-36 ผมยาว หน้าตาจัดว่าสวยมาก เซ็กซี่
มีรสนิยม
ดิฉันอยากจะแต่งงานกับผู้ชายรายได้สัก
สองแสนบาทอัพต่อเดือนสักคน คุณอย่าเพิ่งมองฉันโลภนะคะ
รายได้ประมาณสองแสนเนี้ยแค่ชนชั้นระดับกลางๆ้ท่านั้น
หรือวงการการตลาดนักเศรฐศาสตร์ หรือ เจ้าของธุระกิจของตัวเอง หรือ คนทำงานตลาดหุ้น ก็ใด้
ฉันไม่ได้เรียกร้องมากไปใช่ไหมคะ !!
มีใครในพันทิพ ห้องนี้ นี้ที่รายได้เกินสองแสนบ้างคะ !
พวกคุณแต่งงานไปกันหมดหรือยัง กรุณาช่วยตอบดิฉันทีค่ะ!
คือดิฉันอยากแต่งงานกับคนรวยๆ อย่างพวกคุณ
พวกที่ดิฉันคบด้วยนี่มีแต่พวกธรรมดาๆรายได้อย่างมากไม่เกินสามหมื่นเอง
รายได้แค่นี้จะอุตริไปซื้อบ้านแถวสีลมเนี่ย
ยังได้แค่มองเลยใช่ไหมคะ
ดิฉันมีคำถามดังนี้ค่ะ กรุณาช่วยตอบด้วยนะคะ
1. หลังจากคุณทำงานเสร็จหรือตลาดหุ้นปิด พวกคุณมักไปต่อที่ไหนกันคะ ( ชื่อร้าน , ผับ , fitness, ฯลฯ)
2. ถ้าจะแอบมองสาว คุณจะมองสาววัยไหนคะ
3. ทำไมคนที่แต่งงานกับคนรวยๆถึงมีแต่พวกอาซิ่มเฉิ่มๆ รสนิยมห่วยๆล่ะคะ
4. คุณใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการเลือกคนที่คุณจะแต่งงานด้วยคะ'
------------------------
หลังจากนั้นไม่เกิน 30 นาที ก็มีเมล จากชายหนุ่มคนนึงส่งมาถึงเจ้าหล่อนว่า :
ถึงคุณสุดสวยครับ...
หัวข้อกระทู้ของคุณน่าสนใจมากครับ และคงมีผู้หญิงหลายคนมีคำถามเดียวกันกับคุณ
ขออนุญาตตอบคำถามในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์ สินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ แบบผมนะคับ
รายได้ของผมจากการเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และการลงทุนมากว่า 10 ปี อยู่ที่ประมาณห้าแสนบาท ต่อเดือนขาดเหลือนิดหน่อย ซึ่งก็น่าจะผ่านเกณฑ์ของคุณ
ดังนั้นผมเชื่อว่าคำตอบของผม น่าจะไม่ทำให้คุณเสียเวลาอ่านนะครับ
จากมุมมองของผมซึ่งเป็นนักธุรกิจ การที่แต่งงานโดยเลือกเฉพาะที่ความสวยเพียงอย่างเดียวนั้น ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด!
คำตอบนั้นง่ายมาก อธิบายตามตรง จากข้อมูลที่คุณให้มา คุณพยายามจะเน้นจุดแข็งของสินค้าคือ 'ความสวย' เพื่อแลกกับ 'เงิน'
เมื่อคุณมีความสวย และผมมีเงิน แน่นอนว่ามัน Fair และน่าจะเป็นไปได้กับโอกาสทางธุรกิจที่คุณเสนอ
แต่ก็ติดปัญหาที่ว่าความสวยของคุณนั้นจืดจางลงทุกวัน ในขณะที่เงินของผมไม่ได้ไปไหน
ถ้าไม่มีปัญหาอะไร หรือในอีกนัยยะหนึ่ง รายได้ของผมมีแต่จะเพิ่มทุกปีและเงินของผมก็สามารถนำไปให้ก่อให้เกิดผลตอบแทนงอกเงยขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
ในขณะที่คุณไม่ได้สวยขึ้นเมื่อข้ามปี และมีแนวโน้มที่จะลดลงๆ ในแต่ละปีที่ผ่านไปเช่นกัน
ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์ คุณคือสินทรัพย์ที่เสื่อมค่า ไม่ได้เสื่อมธรรมดานะ เสื่อมแบบอัตราก้าวหน้า
ดังนั้นถ้าความสวยคือสิ่งเดียวที่คุณมี ก็จงคิดต่อว่า 10 ปีข้างหน้าจะทำอย่างไร
นิยามที่เราใช้กันในหลักการทำงานในตลาดหลักทรัพย์ คือ ทุกๆ การ Trade มี Position การคบกับคุณก็ถือเป็น Position
แต่ถ้า Value ของมันลดลง เราจะขายมันทิ้ง ไม่ใช่ความคิดที่ดีที่จะดันทุรังเก็บมันไว้
ซึ่งหมายถึงการแต่งงานที่คุณต้องการ อาจจะแทงใจดำถ้าผมต้องบอกคุณตรงๆอย่างจริงใจว่า ถ้า Value ของ Asset ลดลงเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ขายทิ้ง เราจะ ใช้วิธีการ 'ให้เช่าซื้อ' แทน
แน่นอนว่าคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทต่อเดือนฉลาดพอ พวกเขาแค่คบคุณ แต่จะไม่แต่งงานกับคุณ
ดังนั้นจึงขอแนะนำคุณอย่างหวังดีว่าคุณควรที่จะหยุดที่จะหาวิธีที่จะได้แต่งงานกับคนรวย และคุณควรที่จะทำให้ตัวเองเป็นคนที่มีรายได้เกินสองแสนบาทแทนซะเอง
ซึ่งในทางเทคนิคแล้วน่าจะมีโอกาสมากกว่าการหาคนรวยแต่โง่คนนึง (รวยธรรมดาอย่างเดียวไม่พอ ต้องโง่พร้อมด้วย) หวังว่าคำตอบนี้จะช่วยคุณได้บ้าง
อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณสนใจ option ในบริการ ! 'เช่าซื้อ' กรุณาติดต่อผม..... เพื่อทำ Bid offer ในโอกาสต่อไป
,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,
หลังจากนั้นบทสนทนาก็จบลงเพียงแค่นี้ !
ดร. รสา คำแบน
วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557
เรื่องราวความสำเร็จของModel นักศึกษาเจ้าของ Lamborghini ที่ตอบโจทย์เรื่อง รายได้ ,เวลา และสุขภาพ !!
เรื่องราวความสำเร็จ ของ คุณนัฐ Model ของนักศึกษา ที่มองเห็นโอกาศความเป็นไปได้ในเรื่องของ
รายได้ ,เวลาเพื่อคนที่เรารัก และสุขภาพ ที่แข็งแรง ไปพร้อมๆกัน !!
"ความรักบวกกับความชัด เท่ากับความสำเร็จ"
K.Peerawat Rattanapattanakul - Presidential Diamond, Unicity 2014
รับข้อมูลและแนวทางวิธีการทำงานที่ สั้น กระชับชัดเจน และได้ผลจริง
จากทีมงาน K.Peerawat Rattanapattanakul - Presidential Diamond ที่
Email : shrewdyw@gmail.com
Line id : shrewdindy
รายได้ ,เวลาเพื่อคนที่เรารัก และสุขภาพ ที่แข็งแรง ไปพร้อมๆกัน !!
"ความรักบวกกับความชัด เท่ากับความสำเร็จ"
K.Peerawat Rattanapattanakul - Presidential Diamond, Unicity 2014
รับข้อมูลและแนวทางวิธีการทำงานที่ สั้น กระชับชัดเจน และได้ผลจริง
จากทีมงาน K.Peerawat Rattanapattanakul - Presidential Diamond ที่
Email : shrewdyw@gmail.com
Line id : shrewdindy
วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557
มิเนอรัล มาส์ค (Mineral Mask)
ขนาดบรรจุ 5/15 ซอง
ราคา 812.00/2,338.00 บาท
ราคาสมาชิก 650.00/1,870.00 บาท
11/35 PV
รายละเอียด
"ผลิตภัณฑ์ดูแลและแก้ปัญหาผิวพรรณ ที่มีคุณสมบัติช่วยขจัดสิ่งสกปรกอุดตันผิวฟื้นฟูผิวให้กระชับ เรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์ จากความพยายามในการหาวิธีคงความอ่อนเยาว์นั้น แทบไม่มีข้อกำจัดใด ๆ เลยสำหรับผู้ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพผิว ยูนิซิตี้ และศัลยแพทย์ความงามชั้นแนวหน้าในสหรัฐอเมริกาที่มีมีความคุ้นเคยกับนวัตกรรมใหม่ ๆ จากทั่วโลก จึงร่วมกันคิดค้นและพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลแลแก้ปัญหาผิวพรรณ (Skin Treatment) เพื่อการดูแลผิวโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีปัญหา ริ้วรอย รอยย่น และผิวขาดความกระชับด้วนส่วนผสมที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่างเทคโนโลยี อันทันสมัยกับส่วนผสมพิเศษจากธรรมชาติ จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดูแลผิวและช่วยฟื้นฟูผิวให้แลดูอ่อนเยาว์อย่างเห็นได้ชัดโดยปราศจากขั้นตอนที่ยุ่งยาก มิเนอรัล มาส์ค (Mineral Mask) ยกกระชับหน้า เห็นผลใน 20 นาที"
ส่วนประกอบ
ประกอบด้วยส่วนผสมของแร่ธาตุกว่า 20 ชนิด (Exclusive desert minerals) จากทะเลทรายโมฮาวี โดยมีแร่ธาตุหลัก คือ ทองแดง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความแข็งแรงและทำให้ผิวกระชับ, แคลเซียมคาร์บอเนท ช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และรักษาสมมดุลของผิวให้ดูชุ่มชื้นอยู่เสมอ, ธาตุเงิน ช่วยทำความสะอาดผิวดอย่างเป็นธรรมชาติ ขจัดสิ่งสกปรกอุดตันรูขุมขน
คุณประโยชน์
- มาร์ค ยกกระชับหน้า โดยไม่ต้องศัลยกรรม เห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรก
- ผลิตภัณฑ์เพื่อคงความอ่อนเยาว์ให้ผิวตลอดเวลา (Anti-Aging)
- ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแล แก้ปัญหาผิวโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับกลุ่มที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิว
- ช่วยขจัดริ้วรอย ผิวยกกระชับ ผิวพรรณเต่งตึง สวยสดใส
- ผงมาร์คผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย กับส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ 100%
วิธีใช้
ล้างหน้าให้สะอาดเติมน้ำลงในผงมิเนอรัลมาร์ค ทีละน้อย คนให้เข้ากัน ใช้แปรงทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า (เว้นบริเวณรอบดวงตา โดยทาย้อนขึ้น ใช้ได้ทั้ง ใบหน้า หน้าอก คอ น่อง แขน ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที รอจนแห้งจึงล้างออก หลังการมาร์ค บำรุงผิวขั้นตอนต่อไปด้วยเครื่องสำอางปกติได้ทุกชนิด รวมทั้งครึมกันแดด
คำแนะนำ
- เพื่อถนอมผิวให้ดูเปล่งปลั่ง ยกกระชับ สวยสดใส ดูอ่อนกว่าวัย ควรจะมาร์คใบหน้าและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ( 1 ซอง ให้ได้ประมาณ 4-5 ครั้ง)
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)


.jpg)